องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทาม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี: www.bantam.go.th

 
 
เอกสารเผยแพร่


การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา

    รายละเอียดข่าว

คณะกรรมการโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ เร่ง 4 มาตรการหลักป้องกัน “อีโบลา” ขยายความพร้อมร่วมกับอาเซียน 
        คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ เห็นชอบมาตรการป้องกันควบคุมโรคอีโบลาของไทย ทั้งการระดมทุนช่วยเหลือประเทศต้นทางระบาด การจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขระดมความร่วมมือภูมิภาคอาเซียนบวกสาม การของบเร่งด่วน ครม.ปี 2558 วงเงิน 187 ล้านบาทเศษ  และจัดระบบดูแลค้นหาผู้ป่วยระหว่าง สธ. - มหาวิทยาลัย เป็นระบบเดียวกัน เสริมความเข้มแข็งประเทศ  ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายยงยุทธ  ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ พร้อมด้วย      ศ.นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์  สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงต่างๆ  ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 56 คน เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้ออุบัติใหม่  โดยเฉพาะโรคไวรัสอีโบลา ซึ่งจัดเป็นภาวะเร่งด่วนของประเทศ และระดับโลก และเพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดตามมาจากโรคอีโบลา    ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม  นายยงยุทธฯ กล่าวในที่ประชุมว่า ได้ติดตามการดำเนินงาน และเร่งรัดบูรณาการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วน ในการป้องกันและควบคุมการแพร่โรคอีโบลา ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส  ที่มีอันตรายรุนแรง ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ขณะนี้กำลังระบาดอยู่ในทวีปอาฟริกา       ด้านตะวันตก  ไทยและทุกประเทศ   ทั่วโลกมีความเสี่ยง เนื่องจากอาจมีผู้เดินทางจากพื้นที่ติดโรคนำเชื้อเข้าสู่ประเทศได้ จึงต้องเตรียมระบบความพร้อมในการป้องกันโรคนี้อย่างเข้มแข็ง  สถานการณ์ล่าสุด แหล่งแพร่โรคยังคงอยู่ในทวีปอาฟริกาตะวันตก  องค์การอนามัยโลก รายงานจนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 มีผู้ป่วยโรค     อีโบลาใน 6 ประเทศอาฟริกา ได้แก่ กินี ไลบีเรีย เซียร์ร่าลีโอน มาลี ไนจีเรีย เซเนกัล และพบผู้ติดเชื้อนอกทวีปอาฟริกา 2 ประเทศคือ สเปน สหรัฐอเมริกา ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี รวมผู้ป่วย 13,268 ราย เสียชีวิต 4,960 ราย  สำหรับประเทศไนจีเรียและเซเนกัล ไม่พบผู้ป่วยต่อเนื่องมาเกิน 42 วัน จึงนับว่าพ้นระยะ        การระบาดแล้ว
         ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบใน 4 มาตรการป้องกันโรคอีโบลา ได้แก่
1. เห็นชอบให้จัดทำโครงการรวมพลังปันน้ำใจ ต้านภัยโรคอีโบลา โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสภากาชาดไทย ระดมเงินทุนและวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น ส่งไปช่วยเหลือแก่ประเทศที่กำลังประสบวิกฤติการระบาด 3 ประเทศ คือไลบีเรีย กินิและเซียร์ราลีโอน เพื่อควบคุมโรคที่ประเทศต้นทางให้ยุติโดยด่วน พร้อมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งในการรับมือ   ของประเทศไทย โดยอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้มีความพร้อม และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการร่วมมือป้องกันอีโบลา ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2557    
     2. เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ บวกสาม  คือจีน ญี่ปุ่น และ เกาหลี  เพื่อประสานความร่วมมือ การเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมโรคอีโบลาในภูมิภาคอาเซียน  โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 14 – 15ธันวาคม  2557 ซึ่งการจัดประชุมนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากครม.เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2557  
3. เห็นชอบกรอบงบประมาณระยะเร่งด่วนปี 2558 ที่จะขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมของหน่วยงานหลายภาคส่วน ในการรับมือโรคติดเชื้ออุบัติใหม่รวมถึงโรคอีโบลา วงเงิน  187 ล้านบาทเศษ โดยให้สำนักงบประมาณกลั่นกรองก่อนที่กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. รวมทั้งเสนอขอค่าเสี่ยงภัยแก่บุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับอีโบลาด้วย 
       4. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย เตรียมความพร้อมสถานพยาบาลของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีศักยภาพสูง ให้ร่วมค้นหาและดูแลผู้ป่วยสงสัยโรคอีโบลาในระบบเดียวกัน  รวมทั้งมีแผนพัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจยืนยันเชื้อไวรัสอีโบลา เพิ่มอีก 6 แห่ง ได้แก่ รามาธิบดี ศิริราช เชียงใหม่         ม.ขอนแก่น ม.สงขลานครินทร์ และพระมงกุฎเกล้า เพื่อเสริมความเข้มแข็งและความพร้อมของประเทศ
          ด้าน ศ.นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์และดำเนินการตามแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรค  อีโบลา ได้แก่  
         1. การเฝ้าระวังโรค ทั้งในคนและในสัตว์ กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตราย และตรวจคัดกรองเพื่อเฝ้าระวังผู้เดินทางจากประเทศที่กำลังมีการระบาด ที่ช่องทางเข้าออกประเทศ ทั้งท่าอากาศยาน ท่าเรือ และด่านทางบก จนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2557 ได้คัดกรองผู้เดินทางแล้ว 2,848 คน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลา ส่วนกรมปศุสัตว์เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังและควบคุมการนำเข้าสัตว์จากประเทศเขตติดโรค และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เข้มงวดควบคุมการนำเข้าสัตว์ป่าจากประเทศเขตติดโรค และสำรวจการติดเชื้อของสัตว์ป่าในประเทศ ได้แก่ ลิง ค้างคาว กวาง ไม่พบการติดเชื้อ      ในสัตว์เช่นกัน
         2. การเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วย  กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดเตรียมโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศให้มีห้องแยกดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อ  เน้นการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด มีชุดป้องกันการติดเชื้อของบุคลากร (PPE) อย่างเพียงพอ และพัฒนาโรงพยาบาล 20 แห่ง ประกอบด้วยส่วนกลาง 5 แห่ง และโรงพยาบาลศูนย์ในจังหวัดต่างๆ 15 แห่ง ให้สามารถตรวจวินิจฉัย ดูแลรักษาผู้ป่วยที่สงสัยว่าติดเชื้อไวรัสอีโบลา ขณะนี้มีห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรัส        อีโบลา ภายใน 24 ชั่วโมง 2 แห่ง คือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
         3. การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อลดความตระหนก และเพิ่มความตระหนักการ     ป้องกันโรค ได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคอีโบลา คำแนะนำวิธีป้องกันโรคแก่ผู้มีความเสี่ยงผ่านสื่อต่างๆ และประสานกับบริษัทการบินไทย ประกาศคำแนะนำการป้องกันโรคในเที่ยวบินที่มีผู้เดินทางจากประเทศที่มีการระบาด  รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้เดินทางไปแอฟริกา และเข้มงวดการออกวีซ่าแก่     ผู้เดินทางจากประเทศที่มีการระบาด  
        4. การเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน  โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเจ้าภาพหลักประสานความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ รวมทั้ง 3 เหล่าทัพ จัดทำแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและการซักซ้อมความพร้อมในทุกสถานการณ์ตามระดับความรุนแรงหากเกิดโรคในประเทศ 
         5. การพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องมือที่จำเป็นในการรับมือโรคอีโบลา เช่น ยา เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ โปรแกรมการจัดการข้อมูลข่าวสาร เพื่อช่วยติดตามเฝ้าระวังผู้เดินทางจากประเทศที่มีการระบาดได้รวดเร็ว     เป็นต้น มาตรการที่กล่าวมาของไทยมีความคืบหน้าด้วยดี สอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกและ  กฎอนามัยระหว่างประเทศ              
ข้อมูลจาก :   region5.prd.go.th/ewt_dl_link.php?nid=17817



    เอกสารประกอบ

การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา
 
    วันที่ลงข่าว
: 13 พ.ย. 2557
    ผู้ลงข่าว : อบต.บ้านทาม